ตำรวจรัสเซียจับเด็ก เหตุร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านสงคราม รัสเซียบุกยูเครน

ตำรวจรัสเซียจับเด็ก เหตุร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านสงคราม รัสเซียบุกยูเครน

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากที่ ตำรวจรัสเซียจับเด็ก 7-11 ปี หลังจากที่เด็กร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านสงคราม เมื่อวันที่ 2 มีนาคม สำนักข่าว เดอะ การ์เดียน รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงมอสโกได้เข้าจับกุม ผู้หญิงสองคนและเด็กอีก 5 คน หลังจากพวกเขาได้วางดอกไม้และชูป้ายต่อต้านสงครามที่หน้าสถานทูตยูเครนในกรุงมอสโก

โดยเด็กในช่วงอายุ 7-11 ปีถูกควบคุมตัวไปพร้อมกับแม่ 

ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะปล่อยตัวเด็กทั้งหมดในเวลาต่อมา นักมานุษยวิทยาที่เผยแพร่เรื่องนี้เล่าว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจขู่ผู้เป็นแม่จะริบสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็ก พร้อมระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาแม่ของเด็กอีกด้วย ทั้งนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าผู้เป็นแม่โดนตั้งข้อหาอะไร

นับตั้งแต่นาย วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ส่งกองทัพรุกรานประเทศยูเครนนั้น ประชาชนจำนวนมากก็ได้ออกมาแสดงพลังคัดค้านคำสั่งดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อัยการรัสเซียเตือนว่าการชุมนุมที่ไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายและจะนำไปสู่ผลกระทบที่เลวร้ายสำหรับผู้ที่ละเมิดคำสั่งดังกล่าว

เบื้องต้นมีรายงานว่า นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา เกิดการชุมนุมต้านสงครามแล้ว 320 ครั้ง ตลอด 33 เมืองทั่วประเทศรัสเซีย และมีรายงานว่ามีประชาชนถูกจับกุมแล้วกว่า 6,840 คน

เจ้าสาวถึงกับน้ำตาตก หลังจับได้ว่าเจ้าบ่าวที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับตกไปแอบกินตับ ชู้ ก่อนงานแต่งงาน ด้านชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจเทียบ เกิดเหตุวุ่นๆในงานแต่งของคู่บ่าวสาวคู่หนึ่งในประเทศโบลิเวีย โดยผู้ใช้ TikTok เล่าว่า เจ้าสาวจับได้ว่าเจ้าบ่าวแอบหนีออกมากินตับสาวคนหนึ่ง ก่อนเข้าพิธีแต่งงานของตน

ซึ่งจากคลิปที่ได้รับการเผยแพร่นั้น แสดงให้เห็นว่าฝ่ายหญิงร้องไห้จนหายใจแทบไม่ออก ขณะที่เพื่อนและครอบครัวต้องเข้ามาให้กำลังใจ ปลอบ และเรียกสติของเธอ ขณะที่ชู้รักของฝ่ายชายต้องวิ่งหนี และต้องสวมเสื้อผ้ากลางถนน

หลังจากที่คลิปดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ออกไปก็มีคนเข้าชมกันเป็นจำนวนหลายล้านครั้ง โดยชาวเน็ตได้เข้ามาให้กำลังใจกับฝ่ายเจ้าสาวกันเป็นจำนวนมาก พร้อมปลอบว่าอย่างน้อยเธอก็รู้ความจริงก่อนเข้าพิธีวิวาห์ ขณะที่ชาวเน็ตบางส่วนก็ได้ตั้งข้อสงสัยว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียงการจัดฉากเท่านั้น

กลายเป็นภาพสุดซึ้ง หลังจากที่ ชาว ยูเครน แบ่งปันอาหารและน้ำดื่มให้กับ ทหารรัสเซียหลังจากที่พวกเขายอมจำนน ขณะที่สหรัฐฯรายงานว่าทหารรัสเซียขัดคำสั่งเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 2 มีนาคม สำนักข่าว เดอะ ซัน ได้เผยแพร่คลิปวินาทีที่ ทหารชาวรัสเซียยอมจำนน ระหว่างการบุกรุกประเทศยูเครน ที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทหารจำนน ชาวยูเครนก็ได้นำน้ำชาและขนมมาให้

พร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือให้เขาได้คุยกับแม่ที่อยู่บ้าน ซึ่งเขาได้ส่งจูบให้แม่ของเขาผ่านโทรศัพท์ ก่อนที่จะหลั่งน้ำตาออกมา ซึ่งในขณะนายทหารคนนี้คุยกับแม่ ก็มีชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องมารบที่นี่”

คลิปดังกล่าวกลายเป็นคลิปที่แชร์ต่อกันอย่างมาก โดยผู้เผยแพร่คลิปได้เขียนข้อความกำกับว่า “ยอมแพ้เถิด ทหารรัสเซีย แล้วพวกเราชาวยูเครนจะเลี้ยงอาหารให้”

คับอก! หญิงลาออกจากงาน หลังถูกแซวเรื่อง ‘หน้าอก’ จากชาวเน็ต

หญิง คนหนึ่งตัดสินใจลาออกจากงานที่เธอทำมานานถึง 7 ปี หลังถูกชาวเน็ตแซวเรื่อง หน้าอก มาตลอด จนรู้สึกคับอกคับใจ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม เว็บไซต์ Ettoday ได้ออกมาเผยแพร่เรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ กั๋วถง ที่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาเธอได้โพสต์ภาพเซลฟี่ในที่ทำงานของเธอ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชาวเน็ตให้ความสนใจมากเป็นพิเศษคือความ “บึ้ม” ของหน้าอกของเธอ จนทำให้คนมาเม้นท์กันเป็นจำนวนมาก

ซึ่งชาวเน็ตมีทั้งชื่นชม แซว และเอารูปเธอทำไปเป็นมีม พร้อมกล่าวว่า “ยอมรับว่าไม่ได้อ่านข้อความ แต่ชอบ”, “บอกตรง ๆ ว่าทุบโต๊ะไปสองสามโต๊ะแล้ว”, “คุณเคยนึกถึงความรู้สึกของโต๊ะไหม”, “สงสารโต๊ะจัง” นอกจากนี้ ยังมีอีกส่วนที่เชื่อว่า เธออาจจะอยากดัง เพื่อเข้าไปดูไลฟ์บนช่องทางโซเชียลของเธอ

อย่างไรก็ตามในวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา กั๋วถง ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยเธอเล่าว่า เธอได้ลาออกจากงานที่เธอทำยาวนานถึง 7 ปี หลังจากที่เธอเจอคอมเม้นท์ถาโถมเข้ามาเป็นอย่างมาก

กั๋วถง กล่าวว่า “ฉันคิดว่าตัวเองทำงานหนักและทุ่มเทมาก ขนาดเพื่อนรอบตัวยังฉันเหนื่อยเกินไป วันนี้มีคนติดตามเพิ่มขึ้นกะทันหัน ฉันตกใจมาก แต่เป็นประสบการณ์ที่หายาก ฉันขอบคุณผู้ที่มาชอบฉัน และยินดีที่จะสนับสนุนฉัน ฉันจะยอมรับคำติชมของคุณ สังคมมันห่วย แต่ฉันก็ยังทำงานของตัวเอง อย่าเอาเปรียบกัน โปรดอย่าใช้มุมมองของตนเองวิจารณ์ผู้อื่น”

โดยจากการรายงานของ กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มีทหารจำนวนมากที่เลือกจะยอมแพ้ หรือ ทำลายยานพาหนะตนเอง เพราะไม่อยากจะสู้กับชาวยูเครน นอกจากนี้จากการดักฟังวิทยุสื่อสารของชาวรัสเซีย ทำให้ทราบว่า มีทหารที่ปฏิเสธที่จะยิงขีปนาวุธใส่เมืองในยูเครน และ บางส่วนเผชิญกับภาวะอาหารและน้ำมันขาดแคลนอีกด้วย

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น